วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

วิธีการผูกเชือกรองเท้าแบบแนวๆ



แบบที่ 1








แบบที่ 2






แบบที่ 3






แบบที่ 4







แบบที่ 5







แบบที่ 6 พิเศษสุดตรงที่สามารถดัดแปลงได้ออกเป็น 3 แบบ

- แบบแรก ผูกโบว์ธรรมดา



- แบบที่ 2 ถ้าไม่อยากผูกโบว์ก็เก็บซ่อนเชือกไว้ข้างในได้


- แบบที่ 3 ใช้เชือก 2 เส้นผูกสลับสี เก๋ไปอีกแบบ







แบบที่ 7 อันนี้ก็ผูกไปตามธรรมดา แต่เก๋ตรงกลางที่เป็นลักษณะคล้ายเงื่อน







แบบที่ 8 แบบนี้ต้องใช้เชือกสั้น 2 เส้น เส้นที่หนึ่งผูกแล้วให้พอดีกับตรงกลางรองเท้า (ส่วนที่ 1 )

ส่วนที่เหลือก็ใช้อีกเส้นก็ผูกต่อไปเลยค่ะในแบบเดียวกัน (ส่วนที่ 2)







แบบที่ 9 อันนี้ก็เรียบๆง่ายๆ ใช้ได้ทั้งเลือกเส้นเล็กและเส้นใหญ่ ดูเก๋ไก๋ไปคนละแบบ










แบบที่ 10 เรียกสั้นๆง่ายๆว่า "Twin Fish"


CREDIT:http://www.omonashop.com/store/article/view/วิธีการผูกเชือกรองเท้าแบบแนวๆ-69556-th.html

วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ประวัติรองเท้าNike

เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 1697 ได้นำรูปแบบผลิตภัณฑ์แรกเข้ามาจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และได้พัฒนา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ขนาดรูปแบบ คุณภาพและอื่นๆให้เหมาะสมกับ ลักษณะการสวมใส่ และใช้ตามประเภทการใช้งานของคนไทยโรงงานเซฉวน ได้ดำเนินธุรกิจ ผลิตรองเท้าผ้าใบ ภายใต้เครื่องหมายการค้า "Snow flakes" มีผลิตภัณฑ์ 4 ประเภท คือ









รองเท้า แบบผูกเชือก แบบคัดชู แบบแฟชั่น มีสีดำ น้ำตาล ครีม น้ำเงิน ฯลฯ ขนาดมี 7 ขนาด ตั้งแต่ 37-43 โดยใช้วัตถุดิบที่ผ่านการคัดเลือกอย่างดี และเน้นที่คุณภาพของสินค้าเป็นหลัก ซึ่งขั้นตอนการผลิตจะใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรที่ทันสมัยอีกทั้งผู้เชี่ยวชาญที่มีฝีมือและประสบกาณ์มายาวนาน เพื่อให้ผลิตภัณฑ์รองเท้าทุกคู่ได้คุณภาพและมาตรฐานของสินค้าให้เป็นที่ถึงพึงพอใจของผู้สวมใส่ผลิตภัณฑ์มีแบบให้เลือกตามลักษณะการใช้งานเพื่อความเหมาะสมกับขนาดเท้าวัยอาชีพ และประเภทการใช้งานและอื่นๆรวมถึงการบริการก่อนและหลังการขายอย่างต่อเนื่องเสมอมา ตลอดจนให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพการบริหารสินทรัพย์ และหนี้สิ้นเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการดำเนินงานในทุกๆด้านจึงทำให้ลูกค้าและตลาดรองเท้าเกิดความมั่นใจ และยอมรับในผลิตภัณฑ์

CREDIT:http://thaigoodview.com/node/24745

วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ประวัติรองเท้ากีฬาคู่แรกของโลก

มนุษย์เรามีรองเท้าใช้กันมานานหลายพันปีแล้ว รูปแบบของรองเท้าก็จะแตกต่างกันไปตามสภาพอากาศและขนบธรรมเนียม เช่น รองเท้าของชาวจีนก็จะทำจากผ้า รองเท้าของชาวฮอลแลนด์จะทำจากไม้ เรียกว่า ซาบ็อตส์ หรือ คล็อค รองเท้าของชาวอเมริกันอินเดียนทางเหนือจะทำมาจากหนังสัตว์







ต่อมาชาวอเมริกันอินเดียนทางใต้ได้ค้นพบการนำน้ำยางพาราดิบมาห่อหุ้มเท้า โดยการนำเท้าไปจุ่มลงในน้ำยางพาราดิบ ซึ่งเหมือนกับเป็นรองเท้าต้นแบบเลยทีเดียว








ในปี ค.ศ. 1830 ชาร์ลส์ กู๊ดเยียร์ ชาวอเมริกัน ได้ทำการวิจัยเรื่องยางอยู่ ในขณะที่เขากำลังทำวิจัย เขาได้ค้นพบกระบวนการอบยางขึ้นโดยบังเอิญ เมื่อเขาหยดส่วนผสมของยางกับกำมะถันในเตาที่มีความร้อน จึงทำให้ส่วนผสมนั้นแข็งตัวและยืดหยุ่นได้ และจากความบังเอิญนี้เอง เป็นจุดเริ่มต้นของเขาให้เขาคิดและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากยางออกมาอย่างมากมาย นอกจากยางรถยนต์แล้วในผลิตภัณฑ์นั้นก็คือ รองเท้ากีฬาซึ่งนับเป็นรองเท้ากีฬาคู่แรกของโลก และได้พัฒนาจากการตัดเย็บด้วยมือมาเป็นเครื่องจักรในต้นศตวรรษที่ 19 จนกลายมาเป็นอุตสาหกรรมรองเท้าในที่สุด




CREDIT:http://www.thairunning.com/firstshoe_histry.htm

วิธีทำความสะอาด:รองเท้าNike/รองเท้าSneaker

ออกตัวไว้ก่อนนะ วิธีทำความสะอาดของนี้ออกแนวลุกทุ่งๆไม่ได้มีทฤษฏีอะไรรองรับ แต่จากประสบการณ์ที่ทำความสะอาดพวกรองเท้าแฟชั่น มา มากกว่า 200 คู่ พบว่าวิธีเหล่านี้ได้ผลเลยมาแชร์ให้ฟังกัน และขอเรียกรวมๆ รองเท้าบาสแฟชั่น ทั้งหลาย ว่า "Sneaker"

เรื่องพื้นฐานที่ต้องรู้

สิ่งที่อันตรายสำหรับ Sneaker มีอยู่หลายอย่างท่องไว้ให้ขึ้นใจ น้ำ ฝุ่น โคลน ตีนเพื่อน(มักจะเหยียบด้วยความอิจฉา) และสุดท้ายอันตรายสุดคือ " คุณ แม่ " เพื่อความปลอดภัยทุกท่านควรให้ความเข้าใจกับ คุณแม่ว่า "รองเท้าแบบนี้อย่าเอาไปซัก"
ห้ามเอา รองเท้า nike หรือ Sneaker ทุกแบบ ไปจุ่มน้ำผงซักฟอกแล้ว ซักด้วยแปรงขัดผ้าแล้วเอาทิชชู่แปะๆ = =" (วิธีนี้เก็บไว้ซักนันยางหรือรองเท้านักเรียน เหอะ!)
วิธีการทำความสะอาดที่ดีที่สุดคือ ไม่ให้มันสกปรก และ อย่าให้มันโดนดิน ฝุ่น หรือโคลน ไม่ได้พูดตลก Sneaker ไม่ใช่รองเท้าธรรมดา มันมีทั้งดีไซน์และจิตวิญญานสูงส่ง(เอาเข้าไป) ต้นตระกูลมันคือรองเท้าบาส เล่นในร่ม ดังนั้นมันไม่ทนน้ำ ทนโคลนหรือทนฝุ่นอะไรอยู่แล้ว

...ดังนั้นฝนตก น้ำท่่วม ล่ออีแตะ ไปเลยพี่น้อง เอาน้อง Sneaker สุดรัก ของเราใส่กล่องนอนอยู่บ้านอย่าให้โดนฝนนะเดียวจะเป็นหวัด
Sneaker แต่ละแบบนั้นมีดีไซน์ล้ำๆ ดังนั้น ภายใน 1 ข้างประกอบไปด้วยวัสดุหลากหลายรูปแบบ ดังนั้นการทำความสะอาดไม่เหมือนกันด้วยในแต่ละส่วนนะครับ


การทำความสะอาดวัสดุแต่ละส่วนนะครับ

1. หนังเรียบ หนังธรรมดา หนังสังเคราะห์ หรือหนังอะไรก็แล้วแต่จะเรียกที่มีลักษณะเรียบไม่ซับน้ำและไม่ยับ










- เปื้อนเล็กน้อยรีบเอาผ้าชุบน้ำธรรมดาเช็ด ก็ออกแล้ว

- เปื้อนหนักก้อ สเตคลีน(มีขายใน7-11) / ยาหม่อง / ยาสีฟัน / น้ำยาล้างจาน / แชมพู แล้วแต่จะหาได้แต่ห้ามใช้ผงซักฟอกเด็ดขาดหรือหรูๆหน่อยก็น้ำยาอเนกประสงค์ LOC (ของแอมเวย์) หลังทำความสะอาดรีบใช้ ผ้าแห้งเช็ดๆๆๆก็ออก ถือว่าทำความสะอาดไม่ยากสำหรับ หนังแบบนี้


2 หนังแก้ว หนังเงา หนังกระจก หนังลูกชุบ อาไรก้อแล้วแต่จะเรียก











หนังแบบนี้เรียกได้ว่าเปื้อนยาก ส่วนมากถ้าเปื้อนมักจะไม่เป็นคราบฝังแค่ เอาผ้าชุบน้ำเช็ดก็ออกแล้ว แต่มันเป็นรอยง่าย ใครใส่หนังแบบนี้ต้อง ระวังเรื่องของการงอพับของรองเท้าเพราะ ทำให้หนังส่วนที่งอพับเป็นลายดูไม่สวยดูแลเรื่องการเก็บให้ดีไม่ควรยัดใส่กล่อง ควรวางในตู้รองเท้าเฉยๆ จะดีกว่าจะลดโอกาส การงอพับได้ อีกเรื่องที่ ต้องระวังคือ รอยขีดข่วน หนังแบบนี้เป็นรอยขีดข่วนง่ายคับ จะเอาผ้าอะไรเช็ด ควรเป็นผ้าขนนุ่มเท่านั้น อย่ามีทรายหรือเศษอะไรติดผ้าเด็ดขาด ไม่งั้นจะเหมือนเอากระดาษทราย มาขัดรอง เท้่านะ เอิ้กๆๆ


3 หนังกลับ หนังกำมะหยี่ หนังขน หนังขุย หนังเทียม หนัง Durabuck (หรืออาไรก้อแล้วแต่จะเรียก)



หนังแบบนี้เรียกได้ว่าดูแลรักษายากที่สุด ส่วนตัวเรียกว่า "หนังเกมลิน" โดนน้ำเมื่อไรเป็นพังไม่ว่าจะกรณีใดห้ามโดนน้ำ และฝุ่นมันจะติดหนังแบบนี้ง่ายมาก ต้องมีแปรงขนอ่อนไว้ปัดทำความสะอาดบ่อยๆ หากเลอะจิงๆต้องใช้น้ำยาทำความ สะอาดหนังกลับโดยเฉพาะ



4 วัสดุพิเศษ เช่น ฉาบสารเรืองแสง ฉาบด้วยสีเมทัลลิค หรือส่วนที่เป็นการลงสีแบบพิเศษ








รองเท้าชนิดนี้ต้องให้การดูแลรักษาเป็นพิเศษหน่อย ห้ามขัดถูด้วยความรุนแรง ห้ามแปรงขนแข็งๆขัด ห้ามเอาผ้าแห้งถูหรือทำห้ามอะไรที่จะจินตนาการได้ว่า สิ่งที่ฉาบอยู่มันจะหลุด ยิ่งสารเรืองแสงไม่ควรเอามือไปจับๆถูๆ เพราะมันจะดำง่ายมากๆเลย

แต่ถ้าเปื้อนขึ้นมาแล้วก้อต้องทำความสะอาด ดีสุดคือ น้ำยา LOC แพงหน่อยแต่ของเค้าดีจิง ถ้าหาซื้อไม่ได้หรือไม่มีจิงๆ ก้อนี่เลย น้ำยาล้างจานไลปอนเอฟ หรือ แชมพูเด็ก ก้อช่วยได้ สำคัญคือ ขัดเฉพาะจุดที่เปื้อน ขัดเบาๆและต้องผสมน้ำนิดนึงนะ และเช็ดให้แห้งหลังทำความสะอาดด้วยน่ะ

CREDIT:http://www.omonashop.com/store/article/view/วิธีทำความสะอาดรองเท้า_nike_รองเท้า_sneaker_สไตล์_p_tuck-76457-th.html